EP3.1 Munich ชมสถาปัตยกรรมยุครุ่งเรืองในอดีต
หลังจากที่เดินทางมาถึงมิวนิคก็ช่วงเย็นๆแล้ว ฝนตกนิดหน่อย ก็เดินเที่ยวเล่นเท่าที่จะไปได้สำรวจเส้นทาง โดยเฉพาะที่กินหรือ supermarket แล้วเรียบร้อยก็กลับไปนั่งชิลดื่มเบียร์ที่บาร์ข้างล่าง Euro Youth Hostel พูดคุยทักทายกับเพื่อนนักเดินทางใหม่ๆหลายชาติหลายเผ่าพันธุ์ ก็ขึ้นมานอนหลับพักเอาแรงเพราะอีกวันต้องเดินเที่ยวต่อ อันนี้การเดินทางเมื่อวาน EP3 อินเตอร์ลาเคน สู่ มิวนิค เยอรมนี โดยรถไฟและอาหารมื้อแรกในมิวนิค
ที่แรกที่จะต้องพุ่งไปแล้วอยู่ใกล้ที่สุดก็คือ Marienplatz เป็นสถานที่ชอปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่และมีความสวยงามทั้งภายในและภายใน ยิ่งใหญ่อลังการมากๆหลายๆโบสถ์ครับ โบสถ์และที่เตะตาคือ โบสถ์ Saint Micheal Kirche ครับภายในเป็นโทน ขาวทองอลังการมากและด้วยความที่อากาศมันเย็นๆ ยิ่งเพิ่มความขลังเข้าไปอีกครับ
พิกัด
พอเดินออกมาก็จะอยู่บริเวณภายใน Marienplatz ซึ่งก็คือแหล่งชอปปิ้งดีๆนี่เองครับมีห้างและร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายยี่ห้อ ถนนเส้นนี้ถ้ามีช่วง Sales ล่ะกะกระเป๋าเงินในมือสั่นมากๆครับ ยิ่งวันหยุดจะมีผู้คนมาเดินกันควั่กไขว่เลยครับ
เดินไปเรื่อยๆเพื่อจะไปหา Land Mark ของจตุรัส Marienplatz คือ Neues Rathaus หรือ New Town Hall ของมิวนิคครับ ระหว่างทางสะดุดร้านขายดอกไม้ร้านนี้ไม่ค่อยได้เห็นดอกไม้สวยๆแต่ราคาแพงเอาเรื่องเลยขอถ่ายรูปอย่างเดียว เดินตามฝูงชนมาอีกแค่นิดเดียวก็มาถึง Neues Rathaus ของมิวนิค ซึ่งเป็นศาลาว่าการเมืองมิวนิคหลังใหม่เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับราชการของเมือง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Neo-Gothic ครับ สวยงามยิ่งใหญ่อลังการด้วยส่วนตัวชอบสถาปัตยกรรมโบราณของยุโรปมากๆ ช่วงเวลาที่ผมออกเดินเที่ยวก็ 9 – 10 โมงเช้าพอดีครับมีเวลาทำนั่นทำนี่แบบไม่เร่งรีบ เดินฝึกถ่ายรูปไปอะไรไปซึ่งจริงๆแล้วเป็นการรอเวลาที่นาฬิกาของที่ว่าการของเมืองครับ ที่นี่นาฬิกาจะออกมาเวลา 11 และ 12 นาฬิกาทุกวัน พอช่วงใกล้ๆจะถึงเวลานักท่องเที่ยวก็จะยืนรอชมกันเพียบ แค่เดินชมความอลังการยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเยอรมันในแคว้นบาวาเรียก็สุดทึ่งแล้วครับ ในสถาปัตยกรรมต่างๆ เสา Marienaule สีทองครับซึ่งเป็นชื่อของจตุรัสแห่งนี้ Marienplatz นั่นเอง บริเวณโดยรอบของที่ว่าการจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟให้นั่งชิล นั่งดื่ม นั่งคุยกันตามสะดวกครับแต่บริเวณนี้ก็ยังมีอะไรเด็ดๆอยู่หน้าลานของที่ว่าการครับ อันนี้เป็นน้ำพุที่อยู่ข้างนอกน้ำใสปิ๊งเลยครับ มีรูปปั้นปลาอยู่บนยอดพร้อมรูปปั้นคนกำลังเทน้ำลงไปคลาสสิคครับเห็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ผมนึกถึงมหาวิหารโคโลญจ์ ที่เมืองโคโลญจ์เลยล่ะครับ มีภาพจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนบ้างแล้วทีนี้เราก็ขึ้นไปบนหอคอยด้านบนกันบ้างครับ เสียตังสิครับ 4 Euro เพื่อจะผ่านประตูขึ้นลิฟท์ไปชมวิวทิวทัศน์ของเมือง สูงโคตรอ่ะครับมองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว
เมืองเค้ามีความเป็นเยอรมันด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างเมืองของเค้าช่างมีเอกลักษณ์จริงๆ สมแล้วที่ประเทศนี้เป็นประเทศแห่งวิศวกรรมที่สมัยเรียนผมยังอยากจะขอทุนมาเรียนวิศวะที่นี่
มองไปไกลๆตรงนู้นจะเห็นปล่องโรงไฟฟ้าถ่านหินที่หล่อเลี้ยงเมืองทั้งเมืองเอาไว้ให้มีสีสันตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ที่โรงไฟฟ้าถ่านหินในยุโรปเค้ามีการนำเอาความร้อนที่มาจากการผลิตไฟฟ้าส่งไปยังบ้านเรือนในหน้าหนาวอีกด้วยนะครับ เพื่อให้บ้านทุกบ้านในมิวนิคอบอุ่น จะเห็นได้ว่าโรงไฟฟ้ามีประโยชน์อย่างมากและยังอยู่ร่วมกับชุมชนได้ครับ อันนี้อะไรก็ไม่รู้อ่านไม่ออกเหมือนเป็นการจารึกอะไรสักอย่างในปี 1997 ครับใครทราบมาบอกเล่ากันบ้างนะครับ
นี่เลยของเด็ดที่ผมชอบ ผมชอบอะไรที่แปลกตา ตื่นตาตื่นใจ ในบริเวณลานของ Marienplatz มากๆ จริงๆทั้งเส้นเราจะเจอการแสดงดนตรี หรือแสดงความสามารถอะไรแปลกๆออกมาครับเช่นคนนี้ แต่งตัวเป็นตัวสีทองทั้งตัวแล้วก็นั่งนิ่งๆไม่ไหวติงผมไปดูใกล้ๆเหมือนไม่หายใจด้วยซ้ำครับ แต่ไม่ได้เข้าไปขอถ่ายรูปเพราะเสียตังครับ 5555555 เห็นกล่องอักษร Danke เปล่าครับนั่นล่ะแปลว่าขอบคุณ ที่ให้ตัง 555555 รอบๆบริเวณก็มีร้านขายผลไม้ต่างชนิดกันผมก็ซื้อไม่ลงอยู่ดี แบ๊คแพ๊คคราวนี้ประหยัดแสนจะประหยัด บรรยากาศบริเวณ Marienplatz ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเยอะมากใครๆก็มาที่นี่ เหมือนจะมีนักท่องเที่ยวเยอะกว่าคนท้องถิ่นเสียด้วยซ้ำ เห็นแสงแดดแบบนี้หนาวมากนะครับ
อ้าวเจออีกแล้ว Street Band วงนี้เล่นเพราะมากๆๆๆๆๆ ผมนั่งฟังยาวๆเลย ชอบมากๆครับ ผมอัดเป็นคลิปมาให้ลองฟังที่ลิงค์ข้างล่าง นักท่องเที่ยวบางคนนั่งกับพื้นฟังกันเลยล่ะครับ มันดูมีความคลาสสิคมากๆกับเพลงพวกนี้ คือมันทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอีกโลกนึงไปเลย ลืมประเทศไทยไปชั่วขณะทีเดียวครับ
หลังจากฟังเพลงเสร็จแล้วก็เดินกันต่อไปทาง Odeonplatz ครับ วงดนตรียังเล่นอยู่เลย เดินออกมาเรื่อยๆก็จะเจอสวนสาธารณะเล็กๆที่เป็นที่พักนั่งตากแดดตากลม พักผ่อนหย่อนใจของคนเยอรมัน ซึ่งในการเดินทางในเยอรมันมีหลายแบบ รถไฟใต้ดิน แท๊กซี่ รถรางไฟฟ้า จักรยาน ซึ่งถูกที่สุดก็คือเดินครับ เดินอย่างเดียว
ส่วนมากคนเยอรมันก็จะออกมานั่งดริงค์ หรือทานอาหารตากแดดกัน ก็อากาศมันหนาวนี่ครับ กินเบียร์ตากแดดแม่มเลย พอเดินหลุดออกมาหน่อยก็จะเจอ Bayerisches Nationaltheater ซึ่งเป็นโรงละครแห่งชาติของที่นี่ครับ วันนี้ไม่ได้มีการแสดงอะไร ซึ่งดูรอบๆแล้วเค้ากำลังปรับปรุงอยู่ผมก็เดินดูรอบๆบริเวณนี้ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างครับ
เดินมาเรื่อยๆผ่านกำแพงของพิพิธภัณฑ์ของที่นี่ ซึ่งไม่ได้เขาไปเพราะค่าใช้จ่ายในการเข้าแพงมากหลายสิบเหรียญซึ่งยังมีอีกหลายประเทศที่ผมจะต้องเดินทางแล้วก็ยังต้องอยู่อีกสิบกว่าวัน ขอผ่านแล้วกันครับ เดินไปก็เจอรูปปั้นสิงโตสีเขียวหยกถือโล่อยู่ซึ่งเป็นรูปปั้นที่สง่างามมาก
เดินไปเดินมาเห็นประตูเปิดอยู่เลยขอเดินเข้าไปชมข้างในสักหน่อยนึงครับ ข้างในมีรูปปั้นต่างๆ สวยอ่ะแต่ไม่รู้มันคือรูปปั้นอะไร เราไปต่อดีกว่า นี่เลยเดินมาจนถึง Odeonplatz แล้วครับซึ่งตรงนี้เรียกว่า Feldherrnhalle ซึ่งเป็นอนุเสาวรีย์ของ นักรบบาวาเรียนและในปี 1923 ยังเป็นที่ๆฮิตเลอร์ พยายามก่อการปฏิวัติที่เรียกว่ากบฏโรงเบียร์ ของฮิตเลอร์ซึ่งเป็นความล้มเหลว (Hitler Beer Hall Putsch) อีกด้วยครับ
ลอง Close Up ไปดูใกล้ๆหน่อย ดูเท่ห์มากๆ เดินต่อจาก Odeonplatz เพื่อจะไปทางบริเวณศูนย์กลางของมหาลัยของที่นี่ครับ เจอร้านสตาร์บัคส์ก็ขอแวะชิลดื่มด่ำกับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ทริปนี้คือชิลมากๆ เดินมาถึงแล้วครับบริเวณมหาลัยของมิวนิค มีนักศึกษาออกมานั่งรอเรียนหรือพักผ่อนก่อนจะเข้าเรียน คราวนี้เดินมาไกลมากๆจนถึงประตูชัย ที่ชื่อว่า Siegestor ซึ่งเป็นอนุเสาวรีย์ชัยที่โด่งดังในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีรูปปั้นเงินและสิงโตสี่ตัวอยู่ข้างบนประตู
พอมาถึงจุดนี้ผมไม่คิดว่าจะเดินมาได้ไกลขนาดนี้ ซึ่งบริเวณมหาลัยก็ไม่ค่อยมีอะไรครับเอาจริงๆนั่งรถไฟใต้ดินมาดีกว่าถ้าอยากจะมาตรงนี้ ซึ่งมาคิดอีกทีกลับไปที่ Odeonplatz ดีกว่า เพื่อเข้าไปชมในโบสถ์ตรง จตุรัสที่เผลอเดินผ่านไปโดยไม่ได้เข้าไปชม เพราะคิดว่าภายนอกเค้ากำลังซ่อมอยู่ ซึ่งเรียกว่า Theatinerkirche ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์บารอค ข้างในเป็นสีขาวแต่ดูลายสถาปัตยกรรมของเค้าสิครับ มันยิ่งใหญ่แล้วนึกย้อนกลับไปสมัยบาวาเรียนโบราณ มานั่งคิดว่าสมัยก่อนมันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
เดินเข้ามาเรื่อยๆเพื่อเข้าไปชมที่หน้าบัลลังค์กันดีกว่าครับ สวยงามสะกดตาด้วยบรรยากาศที่หนาวเย็น มันมีความขลังของมันครับ เดินชมความงามภายในไปเรื่อยๆเพลินมากแม้ขนาดว่าผมไม่ได้เป็นคนชอบศิลปะเท่าไหร่ แต่คราวนี้ต้องยอมใจจริงๆครับ หลังจากนั้นเดินออกมาทางอีกฝั่งถนนนึงเพื่อกลับไปที่โรงแรมก็เจอ Statue des Roland de Lattre ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงเอารูปไมเคิลแจ๊คสันมาเพียบเลยคงเป็นที่ระลึกถึงไมเคิล แจ๊คสันของที่นี่ครับ
จากนั้นเดินเข้าไปชมในโบสถ์ที่ใหญ่ซึ่งมีโดมสีเขียวตั้งเด่นเป็นสง่าในเมืองมิวนิค คือโบสถ์ Frauenkirche ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์ โกธิค มีเพิ่งจะบูรณะเนื่องจากถูกระเบิดเมื่อปี 1945 ครับ
ระหว่างทางเดินไปโรงแรมก็เจอพ่อหนุ่มคนนี้ครับแสดงความสามารถการเล่นดนตรีจากไวโอลินและการเล่นแทปที่เท้าด้วยครับ มาชมกันลิงค์ข้างล่างภาพนี้ครับ
วันนี้เดินกันขาลากจริงๆครับเลยขอกลับไปหาอะไรกินแล้วก็พักเอาแรงที่โรงแรมกันก่อนดีกว่าวันนี้ เพราะพรุ่งนี้จะไป Fussen เที่ยวปราสาท นอยชวาสไตล์กับ โฮเฮนชวานเกากันครับ
อย่าลืมติดตามกันต่อได้ที่เพจนะครับ มีอะไรสอบถามมาได้ตลอดเลย
FB : www.facebook.com/i2escape
IG : www.instagram.com/i2escape
Website : www.i2escape.com
- EP3.7 Hallstatt สวรรค์บนดิน - January 14, 2024
- เริ่มต้นท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอย่างไร - May 3, 2023
- คนไปเที่ยวเขต Kanto ต้องไม่พลาดตั๋วนี้ “Greater Tokyo Pass” บัตรเดียวคุ้ม - March 24, 2018