EP 2 Switzerland แดนสวรรค์ ดื่มด่ำกับวิว 360 บนยอดเขาชิลธอร์น

EP 2 Switzerland แดนสวรรค์ ดื่มด่ำกับวิว 360 บนยอดเขาชิลธอร์น

 

วันนี้หลังจากได้พักผ่อนนอนหลับกับบ้านชาวสวิสแท้ๆซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องที่พัก 1 คืน ต่อจาก EP 1.4.1 มิตรภาพระหว่างการเดินทางจากความช่วยเหลือของ Host ผ่าน CouchSurfing ด้วยความเกรงใจจึงตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางต่อเพื่อจะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมแล้วก็ไปขึ้นภูเขา Schilthorn กันซึ่งเป็นภูเขาที่ถูกเลือกให้ถ่ายทำหนังฮอลลีวู้ดมหากาพย์ชื่อดัง Jame Bond 007 แล้วก็มีห้องอาหารชื่อ Piz Gloira Schilthorn ซึ่งห้องอาหารหมุนไปช้าๆ 360 องศา เพื่อจะให้สามารถดูวิวโดยรอบของ Schilthorn ระหว่างรับประทานอาหารครับ

เมื่อเดินออกจากบ้านพักของเค้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองดูบรรยากาศรอบๆ จากที่รีบๆผมจึงต้องหยุดเพื่อสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆๆๆๆ อากาศมันบริสุทธิ์สดชื่อ สมกับเป็น Switzerland จริง เป็นประเทศที่ใครๆก็อยากมาสักครั้งนึง แต่ก็เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเช่นกัน  :mrgreen:

ระหว่างทางเดินออกมาช่วงเช้าประมาณ 6-7 โมงเช้าของที่นั่นเริ่มมีร้านขายของแล้วตอนเช้าก็มีคนเริ่มออกมาหาซื้อของกันแล้วครับ ดูบรรยากาศสิครับมันฟินขนาดไหน รอบล้อมไปด้วยภูเขาบ้านสไตล์ Log เต็มไปหมดมันได้บรรยากาศจริงๆ
ระหว่างทางเดินเจอร้านขายดอกไม้กับอากาศที่หนาวเย็นแต่ไม่หนาวมากเท่าไหร่ ทำให้นึกถึงท่อนนึงของเพลง บุษบา “มีดอกไม้นานาพรรณ สีสันมากมายกันไป กลิ่นหอมรัญจวนใจ ประดับไว้ให้โลกนี้สวยงาม” เนื่องจาก Matten บริเวณที่เราไปพักค่อนข้างไกลนิดนึงกว่าจะไปถึงสถานีและโรงแรมที่เราจะไปพักก็เลยได้เจอตึกรามบ้านช่องต่างๆให้ได้ถ่ายรูปสวยๆ แต่ก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นเพราะผมมีภารกิจหลักที่จะต้องจะต้องไปขึ้นเขา Schilthorn แล้วก็ต้องเอากระเป๋าไปฝากซะทีจะได้เที่ยวแบบตัวปลิว ตึกรามบ้านช่องเค้าเป็นสไตล์เก่าๆ เดิมๆบ่งบอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนที่นี่เป็นอย่างดี Interlaken , Switzerland ผมชอบสไตล์แบบนี้จริงๆหากมีเงินสักร้อยล้านย้ายมาอยู่แถวนี้ดีกว่า อากาศดีมากๆ  ผมเดินมาที่ร้านขายตั๋วเพื่อจะขึ้นเขา Schilthorn เพราะรู้ข้อมูลมาว่าเค้าจะลดให้ 20% จากราคาหน้าเวบหากมาซื้อที่ร้านของเค้า เจอแล้วครับ แต่………………….. ปิด!!!!!!!! เฮ้ยอะไรเนี่ยย พลาดล่ะครับ วันนี้วันอาทิตย์เค้าปิดครับเอาล่ะสิซวยล่ะตอนแรกคิดว่ามาซื้อตั๋วที่นี่ก็ประหยัดไปได้เยอะล่ะ ทำไงดีล่ะ สอบถามคนแถวนั้นเค้าให้ไปซื้อที่ สถานีรถไฟครับมีขาย บริเวณร้านจะอยู่ตรงข้ามกับไปรษณีย์ของ Interlaken West นะครับ ตามแผนที่ด้านล่างเลยครับ

หรือเช็คข้อมูลได้ที่เวบไซต์ของเค้าเลยครับ http://schilthorn.ch/en/Welcome

บริเวณโดยรอบของเมืองใน Interlaken West ครับ เช้าๆยังไม่ค่อยมีคนแต่เริ่มมีทัวร์ออกมาบ้างแล้ว  ดูสิครับสะอาดน่าอยู่อะไรแบบนี้ คุณภาพชีวิตที่นี่ดีจังเลยครับ เทียบกับบ้านเราเหรอไม่อยากจะคิดเลย ต่างกันมากๆ ที่นี่ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมีการวางผังเมืองอย่างดีสวยงาม แม่จ้าวแดนสวรรค์ เดินไปเจอร้านขาย ฟองดูโคตรน่ากินถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนเผื่อมีเวลาแวะมา แต่ราคาก็นะแพงจุงถ้าจะกินฟองดูก็เปลืองตังอ่ะครับสงสัยต้องกลับไปกิน Subway คงจะดีกว่าถูกหน่อยไม่ก็ไปซื้อของกินใน Supermarket ดีกว่าครับ
เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอสถานีรถไฟ Interlaken West ที่เมื่อคืนผมมาถึงแล้วทาง Host เค้ามารับครับเป็นสถานีจอดรถบัสและก็สถานีรถไฟอีกด้วย สถานีรถไฟที่ Interlaken ที่นี่ผมจะต้องมาซื้อตั๋วไป Schilthorn ที่นี่ครับโดนไป 120 CHF แพงมากกกกก เป็นค่ารถไฟ กระเช้า บัส จากที่นี่ไป ถึงข้างบนตั๋วไปกลับเลยครับ ไม่รู้จะเรียกแพงหรือถูกแต่คูณออกมาแล้วหลายบาทครับ น้ำตาจะไหลแต่มาแล้วก็คงต้องไปครับ รูดบัตรไปสิเพราะกะว่าใช้เงินไม่มากที่สวิสเลยแลกมาแค่ 100 CHF พออยู่พอกินครับ

รายละเอียดการเดินทางจาก Interlaken West ไป Schilthorn ผ่านหลายสถานีทั้งนั่งรถไฟ บัสไปจนถึงกระเช้า

หากคุณเช็คอินเร็วและไปช่วงบ่ายหรือมีแพลนจะไปอีกวันนึงนะครับ ตอนที่ผมไปโรงแรมเค้าจะมีตั๋วขึ้นรถโดยสารสาธารณะฟรี จนถึงสถานี  Lauterbrunnen หรือ Grindelwald ตรงนี้ถ้าคุณซื้อตั๋วไปจุงเฟราหรือ ชิลธอร์น ไม่ต้องเสียเงินค่าตั๋วรถไฟแล้วครับ ประหยัดไปอีกเอาตังไปกิน ฟองดูชีสสส อร่อยๆดีกว่าครับ

ระหว่างทางบนรถไฟก็จะเห็นวิวข้างทางเป็นบ้านของชาวสวิสแล้วก็ภูเขาที่รายล้อมคือมันที่สุดแล้วประเทศนี้ ทำไมมันน่าอยู่จัง ชิลไปครับจริงๆก็ตื่นเต้นนะครับเพราะเป็นครั้งแรกกับที่นี่ แต่ก็เสียดายไม่ได้ขึ้นไป จุงเฟรา เพราะเนื่องจากว่าคำนวนค่าใช้จ่ายมาเท่านี้ครับมันแพง ติดไว้รอบหน้าจะได้มาอีกดีกว่า เจาะเที่ยวเป็นประเทศๆไปดีกว่าครับ ภายในรถไฟของเค้าก็นั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่เหมือนในประเทศไทยสักนิด เกลื่อนไปหมดไม่มีระเบียบวินัยอะไรเลย ตัวรถไปท้องถิ่นของเค้าก็สะอาดสะอ้านครับ ถึงแล้วสถานีแรกที่เราจะต้องมาเปลี่ยนรถไฟครับพอถึงแล้วก็เดินตามคนเค้าไปเลยครับส่วนมากไปทางเดียวกัน หรือถ้าคนน้อยไปไม่ถูกมันจะต้องเปลี่ยนชานชลาหรืออกไปขึ้่นรถบัส ให้ลงข้างล่างก่อนครับแล้วดูป้ายไปตามทางไปทางนี้คือไปชานชลาที่ 1 เพื่อจะไปต่อรถบัสครับ
เดินออกมาตามทางเรื่อยๆดูป้ายดีๆ ในสถานีของเค้าดีมากมีที่วางสกีหรือสโนว์บอร์ดให้ด้วยไม่ต้องเดินถือให้เกะกะ สบายยยยย เมื่อเดินขึ้นมาแล้วก็ออกมาที่สถานีแล้วดูสายรถบัสให้ดีเราจะต้องไปต่อที่ Stechelberg เพื่อจะขึ้นกระเช้าไป Murren Birg แล้วก็ถึงที่หมายสุดท้ายของเราคือ Schilthorn จริงๆไม่ต้องรีบนะครับถ้าอยากเก็บบรรยากาศโดยรอบชิลๆได้เลยคนไม่เยอะมากเท่าไหร่ เดินขึ้นรถไปก็ยื่นตั๋วให้ชมก็ไปได้แล้วครับ ระหว่างทางรถบัสวิ่งไปตามหมู่บ้านจะหยุดจอดตามสถานีเล็กๆต่างๆไม่ต้องตกใจอะไรไป ที่เราจะไปมันคือสุดทางเลยครับสังเกตง่ายๆจะมีกระเช้าขึ้นไปข้างบน ชมบรรยากาศไปเรื่อยๆเพลินมากๆ มันสวยงามอลังการ อย่างว่าแหละครับบ้านเราไม่ได้ดีแบบนี้ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ดูดิสวยยยยยยยยยยยยยยยยยยย โอ้ยยยอยากถูกหวยสักร้อยล้านแล้วจะย้ายมาอยู่เลยครับคือมันดูดี น่าอยู่อากาศไม่ร้อนสบายจริงๆ ภายในรถบัสก็นั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อยกันดีต่างคนต่างก็ชมบรรยากาศสองข้างทางของสวิสเซอร์แลนด์กันอย่างตื่นตาตื่นใจในความสวยงามของธรรมชาติ บ้านช่องท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในหน้าหนาวครับ ระหว่างนั่งก็ว่างสิถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เป็นหลักฐานหน่อยว่ามาแล้วไม่ได้เอารูปคนอื่นเค้ามานั่งเทียนเขียน รถบัสก็จะจอดไปเรื่อยครับ ก็ดีนะครับผมจะได้มีเวลาซึมซับบรรยากาศต่างๆเพราะเคยมาครั้งแรกด้วยก็อยากจะซึมซับให้หมดเลยครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เข้าหน้า Spring หิมะเริ่มละลายบ้างแล้วก็จะเห็นมีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขาบ้างครับสวยงามมากแต่เสียดายถ่ายจากภายในรถบัสได้ภาพมาแค่นี้เอง ในที่สุดเราก็ถึงแล้วครับสถานี Stechelberg สถานที่ที่จะขึ้นกระเช้าต่อเพื่อมุ่งสู่ยอดเขา หากซื้อตั๋วมาแล้วก็รอเวลาอย่างเดียวครับ เราจะนั่งกระเช้าผ่านสถานีต่างๆดังนี้ครับ

บรรยากาศระหว่างรอขึ้นกระเช้าบริเวณที่จอดรถบัสก็จะขึ้นลงกันตรงนี้เลยครับ ดูภาพไว้ไม่หลงแน่นอน ยังไม่ถึงเวลาขึ้นกระเช้าผมก็เดินออกมาถ่ายรูปเอาข้างนอกสถานีบางคนก็ขับรถมาจอดแล้วก็มาซื้อตั๋วขึ้นไปต่อ ส่วนมากเค้าก็มาเล่นสกีกัน
เอาล่ะได้เวลาขึ้นไปคนมาเล่นสกีกันเยอะแยะเลยครับผมนี่อิจฉามากๆอยากจะเล่นเป็น นี่กะว่าไปญี่ปุ่นกะจะลงคอร์ส Beginner สักคอร์สนึงจะได้เล่นเป็นกับเขาบ้างเท่ห์ๆ พอลองเงยหน้าขึ้นไปแม่เจ้าาาา สูงว่ะคิดถึงฟีลลิ่งตอนขึ้นกำแพงเมืองจีนผมนี่กลัวมากๆเพราะกลัวคำว่า จีนขึ้นสมองไปเลย จริงๆผมกลัวความสูงด้วยแหละครับเลยไม่อยากจะมองเท่าไหร่  พอขึ้นมาถึงสถานีแรกแล้วเราก็ไปตามป้ายเลยครับ สถานีแรกคือ Gimmelwald เพื่อจะมุ่งขึ้นสู่หมู่บ้าน Murren เป็นหมู่บ้านบนภูเขาอย่างชิคเลยครับผมนี่ชอบมากคราวหน้า หน้าหนาวจะมาหาที่พักบนนี้ครับ อากาศดีฟินมากมีร้านอาหารริมเขาด้วยสุดยอดแระ เดี๋ยวค่อยไปดูภาพตอนหน้าเพราะมันเยอะเหมือนกันครับ อยากให้ชมกันเยอะๆจุใจกันไปเลย เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วครับสถานีข้างล่างเริ่มเล็กลงเรื่อยๆแต่ดูวิวสิครับล้านแปดจริง ระหว่างทางก็แวะแชะซะหน่อยข้างบนนี้ก็ยังมีสนามเด็กเล่นอีกนะครับ ดูดีมีมาตรฐานไม่น่าอันตรายเท่าไหร่เลย แหม่เห็นแล้วอยากเกิดที่นี่จัง ขึ้นไปกันต่อเลยเพราะกะว่าจะให้ถึงเร็วๆจะได้มีเวลาอยู่บนนั้นนานๆหน่อยครับขึ้นไปอีกนิดสูงทีเดียวแต่เริ่มชินแล้วไม่กลัวเท่าไหร่ เพราะดูแล้วไม่อันตรายมากและมีความแข็งแรงครับ ดูวิวสิไม่รู้จะบรรยายอะไรอีกแล้วครับ เสียดายแค่อากาศมันปิดไปนิดนึงเลยไม่เห็นฟ้าใสๆสวยๆ
ในที่สุดก็มาถึง Murren เดี๋ยวขาลงจะค่อยมาแวะผมจะขึ้นต่อไปเลย เห็นภาพร้านอาหารเค้าแล้วน่าหยุดจริงๆเอาเถอะขึ้นต่อก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวไม่ทันกลัวอากาศไม่ดี ลมแรงก็เสียวๆเลย หมู่บ้าน Murren ถ่ายลงมาจากกระเช้าคนเพียบมีโรงแรมมีอะไรหมดครับไม่ต้องกลัวว่ามานอนบนเขาแล้วจะลำบากส่วนราคาค่าโรงแรมไม่แน่ใจติดไว้ก่อน หรือใครมีก็มาแชร์ข้อมูลกันครับ เอาล่ะมาถึงแระสถานี Birg ที่ความสูง 2677 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตรงสถานีนี้จะมี Skywalk  Thrill Walk แล้วก็มี Bistro หรือร้านอาหารให้แวะพักหรือเดินชมรอบๆก่อน ตรงนี้ผมหยุดก่อนครับ ถ่ายรูปบนสถานีนี้ประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ เค้าจะมีพื้นที่ยื่นออกไปเป็นกระจกใส น่ากลัวดีครับผมเดินไปแปปๆใจหายเลย วิวโคตรสวยสวยชิบหาย ขอภัยครับ คือมันสวยจริงๆ เดินไปตรงนู้นนนนน เค้าจะมีพื้นที่เป็นกระจกด้วยครับผมไม่กล้าล่ะครับกลัวใจสั่นสุดๆแระ เราสามารถเดินชมได้โดยรอบเลยครับผมไม่กล้าเข้าใกล้ราวเค้าเลยใสมากกลัวววว แต่ตรงกระจกที่กั้นจะมีบอกหมดนะครับว่าหุบเขาที่เราเห็นชื่ออะไรบ้างอยู่ที่ความสูงที่เท่าไหร่ด้วย  ไปกันต่อครับขึ้นมาข้างบนสุด จุดหมายของเรา Schilthorn คนเค้าขึ้นมาเล่นสกีกันเพียบเลยครับ  ระหว่างพักก็จะเอาสกีมาวางกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามมาก มันเท่ห์อ่ะขอแอบถ่ายซะหน่อยครับ ผมฝันไว้ว่าวันนึงผมจะต้องเล่นสกีให้เป็นให้ได้ครับ คิดว่ามันน่าจะสนุกแล้วถ้าเราเล่นเป็นคงจะไม่อันตราย ผมเคยลองที่ญี่ปุ่นแล้วแค่ยืนยังยืนไม่อยู่เลยครับ พักทานข้าวกันก่อนบน Schilthorn Piz Gloria มีทั้งอาหารปกติและ Buffet แต่ Buffet ของเค้าทำไมตักได้ทีเดียวเองอ่ะ 55555 ไม่กินสิแพงด้วย
นั่งโต๊ะนี้ครับอุตส่าห์ยืนรอตั้งนานขอที่ริมๆหน่อย ฉันมาไกลขอเถอะ ที่ห้องอาหารแห่งนี้จะหมุนไปช้าๆรอบ 360 องศา ทำให้เราเห็นวิวทิวทัศน์ของยอดเขานี้ได้หมดครับ แต่กระจกเค้าไม่ค่อยใสเท่าไหร่อ่ะครับเลยถ่ายรูปไม่ชัดเท่าไหร่ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จต้องออกไปข้างนอกซะหน่อยดีกว่า มายุโรปแล้วต้องชิมเบียร์ของแต่ล่ะท้องถิ่นครับรสชาดดีจริงๆ อร่อยด้วยแต่แพงไปหน่อยนะครับเพราะขายบนยอดเขาเลยแพงหน่อย เดี๋ยวลงไปข้างล่างจะกินให้สะใจเลย
ดูฟองๆ น่าอร่อยใช่มั้ยล่ะครับ สลัดครับ Buffet ครับเค้าปักป้ายไว้แต่คือ ตักได้ทีเดียวผมงงหรือเค้าอธิบายผมไม่เข้าใจแล้วไม่กล้าตักเยอะด้วยกลัวเค้าด่าว่าไม่มีวัฒนธรรมครับตอนนี้คือต้องเอาอิ่มไว้ก่อนเสียตังแล้วเอาซะหน่อย กินคู่กับเบียร์เนี่ยแหละครับ น้ำ Sparkling มันแพงอย่าไปกินมัน กินเบียร์เลยจบ ระหว่างรออาหารก็ถ่ายรูปไปเรื่อยฟินมากๆๆๆๆ โต๊ะนี้ตอนรอขยับไปโต๊ะที่ริมหน้าต่างนั่งกินรอเห็นมั้ยครับว่าเวลาเค้าเทเบียร์เค้าจะเทพร้อมฟองเลยมันกินอร่อยครับ กินเบียร์ให้กินฟองพร้อมกับเบียร์ครับอร่อยกว่า มาแล้ววววว เมนู signature ที่ราคาแพงใช้ได้แค่ เบอร์เกอร์นี่แหละแต่มีป้าย 007 แค่เนี้ยยยยยที่ขึ้นมากิน 5555555 ทำไมผมถึงสั่งมากินเหรอครับเพราะอย่างอื่นมันแพงชิบกินไม่ลงแค่ค่าขึ้นเขามาก็ 120 CHF ค่าอาหารอีก กลายเป็นว่าอยู่สวิสแปปเดียวหมดไป 200 CHF เห็นจะได้  พอกินเสร็จก็ออกไปเดินถ่ายรูปวิวข้างนอกแล้วครับ มันสวยอ่ะ วิจิตรอลังการงานสร้างของธรรมชาติจริงๆ ด้านนอกของร้านอาหารบนยอดเขา Schilthorn ก็จะมีกล้องส่องทางไกลมีข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการถ่ายทำหนังเรื่อง Jame Bond 007 ครับ ทางเดินตรงนี้สามารถเดินไปได้แต่คือคุณต้องเดินระวังๆลื่นนะครับเดี๋ยวหล่นลงไปข้างล่างผมไม่ได้ไปครับเพราะลมมันแรงมากไม่กล้าเดินไปถึงตรงนู้น เรามาดูภาพบรรยากาศวิวทิวทัศน์ของยอดเขากันดีกว่า หมื่นล้านคำพูดไม่เท่าภาพเดียวครับ ผมจัดมาหลายภาพให้ชมกันเลย เสียดายอย่างเดียวฟ้ามันปิดหมด เด็กคนนี้เก่งมากครับตัวนิดเดียวเองเล่นระดับ Slope นี้ได้แล้วผมแค่มองลงไปยังไม่กล้าเลยอิจฉาเด็กต่างประเทศได้เล่นอะไรแบบนี้ อย่างว่าประเทศเรามันเขตร้อนไปเล่นได้แค่ สไลเดอร์ที่แม่เมาะก็แล้วกันครับ อากาศเริ่มเปิดบ้างเลยไปถ่ายรูปรอบๆมีกล้องส่องทางไกลอย่างดีพร้อมข้อมูลบอกหมดมันสุดยอดจริงๆครับจบแล้ว ระหว่างเขียนผมก็คิดถึงและอยากไปอีกเลยครับแต่คงต้องสักพักเก็บเงินก่อนที่จะไปสวิสอีกครั้ง

FB : www.facebook.com/i2escape

IG : www.instagram.com/i2escape

Website : www.i2escape.com

Tony
ติดตามผมได้

One thought on “EP 2 Switzerland แดนสวรรค์ ดื่มด่ำกับวิว 360 บนยอดเขาชิลธอร์น”

เม้นกันเล้ย